เธอเดินทางฝ่าการจราจรที่ติดขัด ทั้งๆที่สภาพร่างกายยังอิดโรยจากอาการฟื้นไข้ แต่มันไม่มีทางเลือก....เงินค่าจ้างจากการทำงาน...เธอต้องรีบไปเอามันมาเพื่อสำรองไว้ในกระเป๋า ครอบครัวที่ยังต้องเลี้ยงลูกเล็กๆ การไม่มีเงินสำรองไว้ภายในบ้าน มันหมายถึงความสิ้นหวัง และเธอก็เคยสิ้นหวังมานับครั้งไม่ถ้วนจนรู้รสชาติของมันดี และไม่อยากจะลิ้มรสมันอีก
......เธอรีบจัดการแปรสภาพกลายเป็นเงินสด รู้สึกอุ่นใจขึ้นทันทีทันใด ไม่มีอะไรทำให้เธอมั่นคง มั่นใจและปลอดภัยได้เท่ากับมิสเตอร์เอ็มอีกแล้ว (มิสเตอร์เอ็ม= Mister Money) ลืมมิสเตอร์แมนไปได้เลย...เธอรีบสลัดความคิดฟุ้งซ่านที่เกิดจากอาการน้อยใจใครบางคนที่เธอพยายามจะแทนที่ด้วยอากาศ ก่อนจะเดินดิ่งไปจัดการรับเสื้อนักเรียนลูกที่สั่งปักชื่อเอาไว้ชนิดเร่งด่วน เพราะเปิดเทอมแล้ว และเธอเพิ่งจะมีเวลาเอามามันมาจัดการให้ลูกเมื่อไม่กี่วันมานี้ นี่ก็ด่วนสุดๆแล้วนะ...เจ้าของร้านบอกเธออย่างนั้น ก็จะทำยังไงได้ ในเมื่อทำเองไม่เป็น ก็ต้องยืมจมูกคนอื่นหายใจ อย่าให้ต้องปักเสื้อเป็นอีกอย่างหนึ่งเลย เท่านี้ก็เกือบจะคิดว่าตัวเองเป็นมีดแมกไกวเวอร์อยู่รอมร่อแล้ว
รับเสื้อนักเรียนเสร็จก็รีบสับขาประหนึ่งแข่งเดินเ็ร็วไปยังร้านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ "จริง" ที่เธอไม่เคยเชื่อว่ามันจะ "จริง" ต้องมีตุกติกอะไรบนใบแจ้งหนี้บ้างแหละ เพียงแต่เเธอจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน จ่ายหนี้ค่าปัจจัยที่ห้าเรียบร้อย เธอก็รีบใส่เกียร์สูงสุด ทำความเร็วไปที่รถ เพื่อกลับบ้านไปดูแลลูกน้อยหอยสังข์ที่ได้เวลาเลิกเรียนกลับถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว ก็มันปาไปเกือบห้าโมงเย็นแล้วนี่เนาะ.....เธอคิด นักเรียนอนุบาลหนึ่งป้ายแดงจะเป็นไงบ้างน้อ
จอดหน้าบ้านปุ๊บ กระโดดลงจากรถเปิดประตูบ้านปั๊บ กำลังจะเอารถเข้าบ้าน พลางตะโกนถามหาลูกน้อย หวังจะเห็นใบหน้าอ้วนกลม ผูกผมแกละวิ่งเข้ามาจีบปากจีบคอรายงานสถานการณ์ แต่.....ยังกลับมาไม่ถึงบ้านเลย....ยายของลูกน้อยกลายเป็นคนรายงานสถานการณ์แทน...ยายเองก็ร้อนใจ แต่ไม่รู้จะติดต่อหาเธอได้อย่างไร เพราะโทรศัพท์บ้านก็ดันมาเสีย หัวใจเธอหล่นวูบ ร่วงลงมาอยู่ที่ปลายเท้า คิดอะไรไม่ออก วิ่งกลับไปที่รถ เข้าเกียร์ถอยหลัง เหยียบคันเร่งออกไปอย่างรวดเร็ว ตะโกนเสียงดังลั่นอยู่ภายในรถ...."ลูกฉันอยู่ไหน!!!!" น้ำตาเอ่อล้นขอบตา ร่วงเผาะๆ หยดน้ำใสๆอุ่นๆคงจะเรียกสติเธอให้กลับคืนมาได้บ้าง เธอรีบกดโทรศัพท์มือถือหาเพื่อนบ้านที่มีลูกกลับรถโรงเรียนคันเดียวกัน
แต่เพื่อนบ้านไม่ได้ดูตระหนกตกใจแต่อย่างใด กลับบอกฉันว่า....เขาคงอาจจะรอกลับพร้อมพี่ประถมมั้งคะ...แมร่งเอ๊ย เอาอะไรคิดแว๊!!!!! (คำสบถนี้เธอพ่นอยู่ในใจ) ช่างเป็นเหตุผลที่ทำให้ใจเย็นขึ้นได้มาก...มันไม่ใช่เหตุผลที่จะทำให้เด็กอนุบาลที่เลิกเรียนบ่ายสองสิบห้า แต่จะห้าโมงเย็นแล้วยังไม่ถึงบ้าน ทั้งๆที่บ้านอยู่ที่ห่างจากโรงเรียนไม่ถึงห้ากิโลเมตรโว้ย!!!!....พลันเธอก็คิดได้ เพื่อนบ้านคนนั้นมีเบอร์คนขับรถตู้ เธอสั่งเพื่อนบ้านผู้แสนจะใจเย็นและมีเหตุผลให้โทรเช็คด่วนทันที!!!!
แล้วไม่เกินสิบนาที....ลูกน้อยหอยสังข์ของเธอก็เดินทางถึงบ้าน...ครูให้เหตุผลว่า "ติดประชุมด่วนค่ะ ขอโทษด้วย"....ระเบิดนาปาล์มทำงานทันที ให้ผลทำลายล้างสูงมาก....แล้วทำไมไม่โทรบอกผู้ปกครองสักนิดล่ะคะ!!!!....ครูอึ้ง พูดได้คำเดียวคืิอ ขอโทษจริงๆค่ะ....ความคิดจะเอาลูกน้อยออกจากโรงเรียนนี้เข้ามาในสมองของเธอทันที....แต่ยังก่อน มันยังไม่สะใจ เธอหมายมั่น รอให้ถึงพรุ่งนี้ เธอจะขนระเบิดไปถล่มถึงโรงเรียนอีกลูก....เอาให้ราบเป็นหน้ากลอง ฐานมองไม่เห็นความสำคัญของความรู้สึกพ่อแม่เด็กนักเรียนที่ให้ความเชื่อมั่นเอาลูกมาฝากฝัง ทำไมเธอถึงได้ถูกปฏิบัติด้วยคำว่า "ยังไงก็ได้" อีกแล้ว หลังจากที่ชอกช้ำกับมันมาหลายครั้ง ช่วยไม่ได้ที่ครั้งนี้จะเป็นฟางเส้นสุดท้าย ที่เธอจะลุกขึ้นมาทวงสิทธิ์ และแสดงออกซึ่งสิทธิ์ของตัวเองที่คนอื่นควรจะให้ความเคารพ....see you tomorrow !!!!

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น