เช้าวันที่สองกับการเริ่มชีวิตนักเรียนอนุบาล 1
เมื่อคืนเพิ่งบอกว่า "หนูไม่ไปโรงเรียน หนูจะอยู่บ้านคนเดียว" แต่เช้านี้อ้วนก็ยอมลุกจากที่นอนและไปอาบน้ำแต่โดยดี เพราะเจอแม่สร้างเรื่องหลอกล่อจนตายใจว่า "ไปเอาชุดพละกับชุดนอนไงลูก ครูยังไม่ไ่ด้ให้หนูมาเลย" เป็นแม่คนจำเป็นต้องมีคุณสมบัติในการสร้างเรื่องเก่งด้วยอีกข้อหนึ่ง แต่ย้อนคิดอีกทีนี่มันดีหรือไม่ดีหว่า...เป็นการโกหกอันชอบธรรมเสียนี่กระไร ฉันทำให้ลูกเรียนรู้ที่จะโกหกแทนที่จะยอมรับความเป็นจริงหรือเปล่า หรือจริงๆแล้วฉันควรบอกลูกไปตรงๆว่าเธอต้องไปโรงเรียน เพราะบลา บลา บลา....หรือว่าฉันคิดมากไปหรือน้อยไป แต่ที่รู้ๆ ฉันไม่ได้หยุดการ "สร้างเรื่อง" เพียงแค่นั้น
"คุณแม่คะ ไปรอน้องข้างนอกนะคะ ให้น้องชินกับการอยู่กับเพื่อนกับครูนะคะ" ครูแหม่ม..ครูประจำชั้นที่มีชื่อเหมือนฉัน(แต่แก่กว่าฉัน...ย้ำ) เข้ามากระซิบ เพราะต้องการให้ลูกปรับตัวได้มากขึ้น เมื่อต้องจากอกพ่ออกแม่มาสู่สังคมใหม่ สังคมที่ลูกจะได้เจอคนอื่น ฉันมองหน้าอ้วนที่นั่งแหมะบนตักฉัน ไม่ยอมไปเล่นกับเพื่อนคนอื่นตั้งแต่มาถึงด้วยความรู้สึก....โถ...ลูก...แต่ฉันก็ต้องยอมทำตามที่คุณครูบอก
จากประสบการณ์ที่ส่งลูกคนแรกเข้าอนุบาลและผ่านมันมาได้ ทำให้ฉัน "เข้มแข็ง" เมื่อต้องส่งต่อลูกคนนี้ให้กับคุณครู ไม่รีรอที่จะทำตามคำขอร้อง ไม่อ้อยอิ่งหอมแก้มลูกฟอดแล้วฟอดเล่าเหมือนอย่างที่เคยทำกับลูกคนแรก ฉันอุ้มอ้วนส่งให้ครูแหม่มแล้วกระซิบว่า "เขาแรงเยอะมากเลยนะคะ" เพราะรู้ฤทธิ์ลูกตัวเองเวลาโกรธดีว่า "ฟาดงวงฟาดงา...แปร๊น!" ขนาดไหน ครูแหม่มยิ้มสู้ ทำให้ฉันรู้สึกว่าเป็นครูสอนนักเรียนอนุบาลต้องมีความอดทน...สุดๆ...อันเป็นคุณสมบัติอีกข้อหนึ่งนอกเหนือจากรักเด็ก แล้วฉันก็บอกลูกว่า "เดี๋ยวแม่ไปตามพี่ออยมาหาหนูนะ"......พี่ออยคือเพื่อนแถวบ้านของอ้วน ซึ่งปีนี้อยู่ชั้นอนุบาล 3 และอยู่โรงเรียนเดียวกัน....อ้วนยอมไปหาครู แต่หันมามองแม่ด้วยสายตาหวาดหวั่นและไม่แน่ใจกับสิ่งที่แม่บอกเขา....ฉันเดินออกมา ส่งสายตาขอโทษลูก....แม่จำเป็น
ฉันรีบดิ่งตรงไปที่รถ ตัดความรู้สึกอาลัยอาวรณ์ คิดในใจ มันก็ต้องแบบนี้แหละ ร้องหาแม่แค่อาทิตย์เดียว เดี๋ยวเดียวก็ลืมเรา แล้วไปสนุกกับเพื่อนกับของเล่นกับกิจกรรม...แต่แค่อาทิตย์เดียวนี่แหละ มันยาวนานเหมือนเป็นปีในความรู้สึกของเรา แต่ยังไงฉันก็ต้อง...ผ่านมันไปให้ได้ เพราะฉันเคยผ่านมันมาแล้ว และฉันก็ทำได้...
ฉันไปนั่งทำงานสองสามชิ้น ก่อนเดินทางไปประชุมงาน โดยไม่คิดถึงหน้าอ้วนอีกเลย มาคิดอีกทีก็ตอนที่ได้เวลารถตู้รับส่งของโรงเรียนต้องมาส่งอ้วนที่บ้าน....หลังจากที่ฉันตัดสินใจหักดิบ ให้ลูกทดลองกลับรถโรงเรียนเลย ทั้งๆที่ตอนแรกตั้งใจจะไปรับส่งก่อน....เรื่องนี้ ฉันไม่ได้สร้างเรื่องโกหกลูก...แต่ไม่ได้บอกอะไรกับลูกเลย...ปล่อยให้ลูกไปเจอเอาดาบหน้า....กลัวเหลือเกิน กลัวว่าลูกจะโกรธ และไม่ไว้ใจ แต่...แม่จำเป็นลูก
ป.ล.
อ้วนลงจากรถโรงเรียน สะพายเป้ข้างหลัง หน้ายิ้ม มาเล่าให้ยายฟังเป็นฉากๆ พูดเร็วปรื๋อจนฟังไม่ทัน แต่จับใจความได้ว่า...อ้วนต่อแถวเป็นรถไฟปู๊นๆ ไปกินข้าวกับแกงจืดวุ้นเส้น มีไส้กรอก กินหมดด้วย แล้วนั่งรถโรงเรียนมาส่งบ้าน มีเพื่อนสองคน เป็นผู้ชายกับผู้หญิง ชื่อเพื่อนๆ มีเพื่อนตัวอ้วนๆปาของ มันนิสัยไม่ดี ครูดุเลย"
เมื่อฉันเจอลูก แล้วถามว่า "ไปโรงเรียนสนุกมั้ยลูก" อ้วนพยักหน้าหงึกๆ "อือ! หนูไปต่อแถวรถไฟปู๊นๆ ไปกินข้าวกับแกงจืดวุ้นเส้น มีไส้กรอก กินหมดด้วย แล้วนั่งรถโรงเรียนมาส่งบ้าน มีเพื่อนสองคน เป็นผู้ชายกับผู้หญิง ชื่อเพื่อนๆ มีเพื่อนตัวอ้วนๆปาของ มันนิสัยไม่ดี ครูดุเลย หนูทาแป้งที่หน้าด้วย แล้วครูก็ให้ต่อแถวรถไฟ ไปขึ้นรถตู้....." ฉันนั่งฟังลูกเล่าเรื่องต่างๆที่ซ้ำไปซ้ำมาเหมือนฉายหนังวนอย่างไม่นึกเบื่อเลยแม้สักนิด กลับอยากให้เขาเล่าให้ฟังไปเรื่อยๆ และเรื่อยไป


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น