วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เทวดากลับสวรรค์


วันนี้ฉันเขียนบทตอนสั่งลาของ sit com เรื่องเทวดา...สาธุ ซึ่งแบ่งกันเีขียนกับน้องที่เป็นทีมเดียวกันคนละครึ่ง...ส่งให้โปรดิวเซอร์....เมื่อกด send เรียบร้อย....ใจฉันหาย


ย้อนกลับไปเมื่อประมาณสามปีที่แล้ว ฉันเข้าไปร่วมเป็นหนึ่งในทีมเขียนบทของละคร sit com เรื่องนี้ ทั้งๆที่ฉันยังไม่เคยเขียน sit comมาก่อนเลยในชีวิต ที่ผ่านมาได้แต่เขียนละครยาวและละครซีรีส์จบในตอน แต่ไม่ใช่ sit com...ฉันเต็มใจที่จะเข้าไปร่วมทีม แต่ฉันไม่มั่นใจในฝีมือของตัวเอง

กว่าจะคลอดตอนแรกที่พอจะผ่านด่านโปรดิวเซอร์ไปใช้ในการถ่ายทำได้ ใช้เวลากว่าสามเดือน เป็นสามเดือนที่ฉันไม่้ได้มีรายได้จากที่ไหน เพราะขณะนั้นยังไม่มีละครยาวให้เขียน เทวดา...สาธุจึงเป็นแหล่งรายได้เพียงที่เดียว  แต่เป็นสามเดือนที่หากยังไม่มีบทใช้ถ่ายทำ ก็จะยังไม่ได้รับเงินตอบแทน จึงเป็นสามเดือนที่ฉันต้องอดทนรวมถึงทนอด เพื่อพิสูจน์ว่า...มันต้องเขียนได้สิวะ

เพราะฉันต้องปรับ ต้องจูนและต้องเปลี่ยนวิธีคิดเพื่อเป็น "เทวดา...สาธุ" ให้ได้ตามโจทย์ ซึ่งต้องใช้เวลาและต้องให้เวลากับมัน ตอนแรกผ่านด่านโปรดิวเซอร์ไปได้ แต่เมื่อถึงด่านผู้กำกับฯ คอมเม้นต์ที่ได้คือ "ฉันไม่ชอบ บทมันงงๆ"....ก็หนูเขียนแบบงงๆนี่คะป้า แล้วลูกหนูมันจะไม่งงตามแม่มันได้ยังไง

แต่ฉันก็ยังดื้อและด้านอยู่ร่วมทีมต่อไป แก้ใช่มั้ย....ได้....ห้าร่างใช่มั้ย...ไม่มีปัญหา...ประกอบกับภาวะวิกฤติเรตติ้งต่ำ ความกดดันจึงตกอยู่ที่ทีมเขียนบทเป็นด่านแรก มันยิ่งเพิ่มความหนักหนาจนรู้สึกได้ถึงความแสนสาหัสกว่าจะเขียนบทจนสำเร็จได้หนึ่งตอน จนแอบคิดไม่ได้ว่า....คุ้มมั้ยเนี่ย  และแอบคิดด้วยว่า จะลาออกดีมั้ยเนี่ย...แม่งยากเหลือเกิน.....แต่ฉันก็ยังอยู่ 

ฉันรู้ว่าการเขียน sit com ไม่ใช่โปรไฟล์ใหญ่โตสำหรับคนเขียนบทบางคน แต่สำหรับฉัน มันคือพื้นที่ที่ฉันจะได้ทำความดีผ่านสิ่งที่ฉันถนัด ถึงจะยังทำได้ไม่ดี ก็ควรจะทำต่อไปให้มันดี  และฉันก็ผ่านพายุไซโคลน ทอร์นาโด ทวิตเตอร์ ไต้ฝุ่นและสารพัดวิกฤติมาได้....ในขณะที่เพื่อนร่วมทีมหลายคนค่อยๆเฟดหายไปด้วยเหตุผลและวาระต่างๆกัน  สุดท้ายจากทีมบทอันหนาแน่นถึงหกคนก็เหลือเพียงเดนตายสองคน ที่ยังคงมาประชุม สาดมุขกันอย่างที่เราให้คำจำกัดความว่า "ไม่ระยำทำไม่ได้" ทั้งๆที่มันเป็นละครส่งเสริมคุณธรรมที่มีความดีเป็น Theme....แต่เพราะเรารู้จักความชั่วเราเลยมองเห็นความดีไงคะ คุณผู้ชม....และแล้วก็มาถึงโค้งสุดท้าย  ทีมเราก็ได้ต้อนรับสมาชิกใหม่ที่ให้ใจเต็มร้อยเพิ่มมาอีกคน

ช่วงโค้งสุดท้าย เป็นการประชุมที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา พวกเรารู้สึกว่า เรามากันถูกทางสำหรับบทของรายการที่อยู่ในช่วงเวลาโคตรดึกของวันอาทิตย์....เรตติ้งเป็นฉันใด เราไม่ได้สนใจอีกต่อไปแล้ว เงินค่าบทได้แค่ไหน เราก็ไม่ได้เอามาเป็นสาระ ขอแค่นักแสดงสนุกที่ได้เล่น ขอแค่มีสิ่งที่พวกเราอยากขีดเส้นใต้เพื่อบอกคนดูว่า....วันนี้เทวดาจะสอนอะไรให้กับมนุษย์ขี้เหม็นๆ ผ่านสถานการณ์เตี้ยๆ ต่างๆ (เตี้ย เป็นคำเดียวกับคำว่าเหี้ย ที่เราชอบใช้แทนกัน)....คนอื่นคิดยังไง ฉันไม่รู้ แต่ฉันคิดอย่างนี้

ตอนสุดท้าย....มันมาเร็วมาก อาจจะพอได้กลิ่นมาบางๆ แต่ก็เข้าใจ ทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป เป็นสัจธรรม แต่แค่ใจหายที่กิจวัตรบางอย่างของชีวิตหายไป จากที่เคยไปเที่ยวชุมชนเทวาพิทักษ์ ได้เห็นพฤติกรรมที่น่าปวดหัวของโกตัน เสี่ยกวง เพชร จ๊อด สำรวม....คนที่ไม่เคยเรียนรู้ความผิดพลาด สร้างความวุ่นวายได้ทุกครั้งที่โอกาสอำนวย  ได้เห็นความเพี้ยนของพลอยใส...ผู้หญิงสวย ความคิดดีแต่ก็สามารถทำผิดได้ ได้เห็นพัฒนาการของสาวน้อยสำลี...จากเด็กมัธยมต้นเจ้าความคิด ก็เติบโตเป็นสาวน้อยวัยใส ที่คอยปรามผู้ใหญ่วัยทองให้ได้สติ...ได้ขอพรเทวดา...สาธุ และเทวัญ....แรงดลใจ อำนาจฝ่ายดีของมนุษย์ที่น่านับถือ ได้ต้อนรับโมทนา เทวดาท่าจะบ๊องส์ที่เข้ามาสร้างสีสันในการสั่งสอนและแก้เผ็ดมารอย่างภีมะ....มารตัวดำที่น่าเอ็นดูในสายตาของฉัน....มารที่เทวดาไม่เคยกำจัดได้สำเร็จ เหมือนจะบอกกับทุกคนว่า ตราบใดที่มนุษย์ยังมีกิเลส ตราบนั้นภีมะก็จะยังคงวนเวียนอยู่ใกล้ตัวทุกคน

ฉันกด send ส่งบทตอนสุดท้าย....นั่งมอง email address ของเทวดา...สาธุ ที่ชื่อ tewadasatuee@gmail.com อีกครั้ง...นึกภาวนาถึงเทวดาต้นไทร  ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้ส่งสา่รถึงเทวดา ขอให้ได้รับรู้ ท่านจะอยู่ในหัวใจของเราตลอดไป เพราะเราเชื่อว่า....เราทุกคนคือเทวดา เทวดา คอยรักษาตัวเอง ไม่ต้องคอยให้ใครเอื้อมมือ ไม่ต้องคอยให้ใครนับถือ ศรัทธาและความดีงามอยู่ในตัวเธอ...สาธุ

ไม่มีความคิดเห็น: