วันอังคารที่ 7 ธันวาคม 2553
ฉันไปดูหมอมา...!!!! ใครจะคิดว่าหน้าร้านขายเสื้อผ้ารองเท้าผู้หญิงธรรมดาๆ แต่ภายในคือสำนักของหมอดูที่ทำนายทายทักแบบว่า Perfect ตามสโลแกนที่หมอแปะเอาไ้ว้ในร้าน
โดยทั่วไปเรื่องงานการ หมอไม่ได้พูดถึงมากนัก เพราะมันไม่ใชุ่จุดอ่่อนของฉัน ทายซิว่าจุดอ่อนของฉันคืออะไร...ถูกต้อง นึกถึงหน้าออฟ ปองศักดิ์เอาไว้แล้วร้องเพลง "จุดอ่อนของฉัน...อยู่ตรงที่หัวใจ" ฉันเป็นโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หาย และจะต้องลงเอยด้วยการ "อยู่เพียงลำพัง" ตามชะตาฟ้าลิขิต ถ้าไม่คิดจะลุกขึ้นมาท้าทายดวง และหมอก็ได้ขยี้ลักษณะนิสัยที่เป็นจุดอ่อนของฉันให้ได้กระจ่างใจ จนทำให้รู้เท่าทันตัวเองว่า อ้อ...มันเป็นเช่นนั้นเอง มิน่า...อ้อ...
การไปดูหมอครั้งนี้ จึงเป็นการเน้นอธิบายถึงเรื่องหรือเหตุการณ์ที่ผ่านมาและที่กำลังเป็นอยู่ในปัจจุบันเป็นส่วนใหญ่ ไม่ได้ทำนายอนาคตสักเท่าไหร่ ขอแค่ฉันเข้าใจอดีต เพื่อแก้ไขปัจจุบัน อนาคตมันก็จะดีเอง
เป็นเรื่องเหลือเชื่อ ขณะที่ฉันนั่งฟังหมอ บอกตามตรงว่าฉันพยายามที่จะทำความเข้าใจกับสิ่งที่หมอพูดอย่างลำบากยากเย็นด้วยภาษาที่หมอใช้ และการอธิบายที่เป็นมหภาคมากๆ แต่เมื่อฉันออกจากร้านหมอ ในหัวฉันก็ปรากฏภาพสิ่งที่ฉันต้องทำนับจากวินาทีนี้ไปขึ้นมาอย่างแจ่มชัดเป็นข้อๆ ดังนี้
1. ฉันต้องใส่ใจและเลิกออกคำสั่งชี้นิ้วเป็นคุณนายกับคนรัก ถ้าหากให้เขายังอยู่กับเรา หมอย้ำสองสามครั้งว่า โชคดีนะที่มีคนรัก นั่นสิ ถ้าไม่อยากอยู่คนเดียวในบั้นปลายก็จงพยายาม
2. ฉันต้องเลิกโทรจิตถึงใครบางคน เพราะยังไงเขาก็ "ไม่" กับฉัน ถึงแม้จะมีพื้นฐานอยู่บ้าง
3. ฉันต้องเลิกสูบบุหรี่และกินเหล้า เพื่อเพิ่มพลังแห่งจิตของตัวเอง และหมั่นสวดมนต์เพื่อเพิ่มบารมีแห่งพุทธคุณ
4. ฉันต้องกราบขออโหสิกรรมกับแม่ ที่ตั้งใจดูแลงานการในบ้านให้ฉันด้วยความเต็มใจ แต่กลายเป็นสร้างเวรสร้างกรรมให้ลูกโดยไม่ตั้งใจ เพราะมันเหมือนแม่ต้องมารับใช้ฉัน หมอตั้งข้อสังเกต ทำไมฉันถึงต้องทำงานทั้ง 7 วันโดยไม่ีมีวันได้หยุดพัก....เพราะแม่ฉันไม่เคยได้พักจากสิ่งที่ทำให้ฉันเลย
และนี่คือผลจากการ "คิดได้" จากคำพูดของหมอ และฉันลงมือทำ
1. ฉันไปกราบเท้าแม่เพื่อขออโหสิกรรม แม่บอกว่า อโหสิ ไม่เคยคิดว่าจะทำให้ลูกมีเวรมีกรรมเลย ฉันจึงออกคำสั่งเด็ดขาด ทำได้วันธรรมดา แต่ถ้าเสาร์อาทิตย์ ได้โปรดหยุดกิจทุกอย่าง ถ้าไม่อยากให้ลูกเหนื่อยตลอด 7 วัน แม่รับปากว่าจะสั่งส้มตำกินแทนการทำกับข้าว และจะไม่ซักผ้ารีดผ้าให้ในวันเสาร์อาทิตย์
2. ฉันเลิกสูบบุหรี่มาได้จะครบวันแล้ว และ cancel โอกาสที่จะืเอื้อให้ดื่มไปซะ และฉันสวดมนต์
3. ถึงในใจจะอยากอยู่คนเดียวไม่เกี่ยวกับใคร แต่ในเมื่อปัจจุบันมันยังอยู่ไม่ได้ ฉันจึงต้องเดินหน้าต่อ โดยกลับไปพูดดี พูดหวาน และเอาใจใส่คนรัก คิดซะว่าเขาคือกัลยาณมิตรคนหนึ่ง และฉันไม่ควรจะทำร้ายเขา
4. ฉันเลิกโทรจิตไม่ได้ แต่ฉันรู้เท่าทันอารมณ์ของตัวเองมากขึ้นว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่้ แล้วหาอะไรทำเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ อยากเลิกจากอาการนี้ เพราะมีแต่ทำร้ายตัวเอง
ยังจำคำเตือนของหมออยู่ในหัวว่า...ไม่ต้องรีบ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป ทุกอย่างมันมีจังหวะและเวลาของมัน ถ้าความรักของฉันดี ทุกอย่างในชีวิตก็จะดีตาม และที่มันไม่ดี อย่าโทษใคร เพราะฉันแพ้ใจตัวเองทั้งนั้น ดังนั้นฉันจึงพยายามที่จะเข้าใจตัวเองเพื่อที่จะเดินหน้าสู่อนาคตได้อย่างมั่นใจ ไม่ใช่คนที่เดินไปด้วยหัวใจที่อ่อนแอ เคยได้ยินมั้ย...ชัยชนะใดยิ่งใหญ่กว่าการชนะใจตัวเองนั้นไม่มี
ฉันจะเอาโล่ห์มาครอง คอยดูสิ!!!
ป.ล. ก่อนจากกันหมอทิ้งท้ายเอาไว้ว่า...อย่าขี้เกียจ...อุ๊ย...โดนอ่ะ ^_^
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น