วันจันทร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2553

มันจะเป็นอย่างไรไม่รู้เลย

จันทร์ี่ 27 ธันวาคม 2553

ห่างหายจากการเล่าเรื่องไปนานหลายวัน เพราะมัวแต่วุ่นวายจัดการทั้งกับเรื่องที่วางแผนเอาไว้ ดังนี้
1.วางแผนงานปีหน้าของทีมตรียูงทอง...อืม หนทางดูสดใส ถึงแม้ในปีนี้อะไรๆมันจะค่อนข้างทรงตัวถึงขั้นแย่ แต่เราสามคนยังคงรวมตัวกันอยู่ ไม่มีนกยูงตัวไหนแยกวง
2.จัดการแผนชีวิตลูกสาวทั้งคนโตและคนเล็กในทั้ง 3 มิติ คือ สุขภาพ การศึกษาและจิตใจ แปลว่า...ต่อประกันชีวิตลูก หาโรงเรียนสำหรับการเรียนต่อปีหน้าของทั้งสองคน  พาไปปล่อยพลังตามที่ต่างๆ  อืม ทุกอย่างผ่านไปได้อย่างเรียบร้อยบ้าง ทุลักทุเลบ้าง แต่ก็ยังอยู่ในแผน
3.ตามทวงหนี้ แต่ไม่เคยได้สักกะบาท..แถมบางคนพูดให้รู้สึกคับแค้นใจ เหมือนเป็นขอทานไปขอเงินเขา ทั้งๆที่เป็นเงินอันเกิดจากการทำงานที่เราควรจะได้...อืม มนุษย์หนอ ยามจะขอช่างปากหวาน สัญญาได้ทุกอย่างขอเพียงได้งาน  ทำเอาเราซมซาน  นอนกบดานอยู่บ้านเพื่อเลียน้ำตาและแผลใจ T_T

แต่ก็มีเรื่องที่ไม่ได้คาดหวังให้มันเกิดมันก็เกิด ชนิดสายฟ้าแลบยังเร็วไม่เท่า
- ตอนรักกัันไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล...แต่ช่างมีเหตุผลมากมายเหลือเกินเมื่อจะเลิก มากเสียจนมึน พยายามไม่มึน ก็มึน เพราะมันคงเก็บสะสมมานานมากเสียจนทำให้การมีชีวิตอยู่มันขาดความชัดเจนว่าอยู่ไปเพราะรัก หรือพยายามจะรักเพื่อประคองไม่ให้เลิกรา แต่เมื่อฟางเส้นสุดท้ายมันปลิวลงมาตกบนบ่าที่เคยแบกรับทุกอย่างเอาไว้ บอกได้เพียงว่า สุดท้าย สุดท้ายจริงๆ

เรื่องไม่คาดฝันเมื่อเกิดขึ้นแล้ว มันจัดการยากจริงๆ ยากที่สุดคือใจที่กลัวความเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนแปลงจากความเคยชินไปสู่สิ่งใหม่ๆ
1.บ้าน : จากเคยอยู่เพียงลำพัง กลับไปอยู่กับครอบครัวใหญ่ ญาติพี่น้องมากมาย ไม่ให้อยู่ก็จะอยู่ เพราะเรามีเขาเป็นที่พึ่งเพียงที่เดียว  แต่โชคดีที่เขายังรักและปรารถนาดีต่อเราเสมอ
2.วงจรชีวิตวันธรรมดา ต้องตื่นตีห้าเพื่อขับรถไปส่งลูกที่โรงเรียนและรอรับกลับจนกว่าจะปิดเทอม ระยะทางจากบางบัวทอง - รามอินทรากิโลเมตรที่ 2  และระหว่างรอลูกก็ไปจัดกาีรงานของตัวเองให้เสร็จสรรพ  เอ่อ...จะต่อเวลาไปปาร์ตี้ตอนกลางคืนคงไม่ได้อีกแล้วสินะ
3.เศรษฐกิจ ไม่มีการตกลงเรื่องเงินเรื่องทองใดๆ และคงไม่กล้าคาดหวังว่าใครจะมาช่วยรับผิดชอบ อืม...คงต้องหน้าด้านทวงหนี้ต่อไป
4.ความรู้สึกของลูกทั้งสองคนจะเป็นอย่างไรนับจากนี้...คงต้องหาคำอธิบายให้ลูกเข้าใจที่เป็น realistic และไม่ให้เสียใจ หรือจะเสียใจก็ต้องเป็นความเสียใจที่ต้องยอมรับได้..ว้า...ยากจัง ขนาดเป็นคนเขียนบทแท้ๆ ยังคิดไม่ค่อยออก
5.ถ้ารถเสียหรือเป็นอะไรขึ้นมา ทำไงดีอ่ะ ทำเป็นแต่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องกับล้างรถ...อืม...ไม่เป็นไร โทรหาเพื่อนสิ เพื่อนมีไว้ทำไม คงมีหลายคนที่รู้เรื่อง

แต่ในความหวั่นใจ ฉันรู้สึกว่ายังมีมุมเล็กๆที่ทำให้ฉันยิ้มได้และตื่นเต้นเมื่อคิดถึงมัน นั่นคือฉันรอให้ถึงวันหยุดเพื่อพาลูกเดินทางไปท่องเที่ยวได้อย่างอิสระ อย่างที่เคยอยากทำแต่ทำไม่ได้  อืม...งั้นต้องขยันหางานหาเงิน

ทุกอย่างที่เล่ามาทั้งหมดคือสิ่งที่รู้ว่าจะต้องเจอ แต่จะจบลงอย่างที่คิดหรือเปล่า...ไม่รู้เลยจริงๆ แต่ที่รู้ๆ ไม่อยากตื่นขึ้นมาในวัยหกสิบ แล้วยังนั่งมึนกับสิ่งเดิม ที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรให้ดีกว่าเดิม ชีวิตไม่ใช่การยอมจำนน แต่มันควรจะขับเคลื่อนไปไม่ใช่หรือ  จะขึ้นสวรรค์หรือลงเหวไม่มีใครรู้ และไม่ใช่สาระสำคัญ สำคัญที่การเรียนรู้ระหว่างทางที่ทำให้เราเจ็บ ผิดหวัง ดีใจ สมหวัง ได้รู้จักกับประสบการณ์อันหลากหลายที่ทำให้รู้สึกว่า...ฉันกำลังมีชีวิตอยู่ต่างหาก

ขอโบกมือลาให้กับส่วนหนึ่งของชีวิตที่ยอมจำนนให้กับ "ปลัก" และ"โคลนตม" ต่อไปนี้ฉันไม่ใช่ "ควาย" แต่ฉันจะทำตัวเป็น "คน" ที่ต้องการ "ใช้" ชีวิตไม่ใช่ "ปล่อย" ชีวิตให้จมหายไปกับกาลเวลา

ป.ล เจอกันอีกครั้งตอนอายุหกสิบ ฉันอาจจะกำลังเรียนเต้น Salsa อยู่ก็ได้นะ ^_^

ไม่มีความคิดเห็น: