วันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เมนูจากหัวใจ

วันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม 2553

เป็นอีกวันที่แม่ไม่อยู่ ทำให้ฉันต้องคอยดูแลเรื่องอาหารการกินของสมาชิกในครอบครัว จะว่าไปแล้วก็ดูแลเป็นปกติ แต่ช่วงนี้งานเข้าเบียดบังเวลาของ mode แม่บ้าน กลัวลูกผัวจะผ่ายผอมเลยต้องอ้อนแม่ให้มาอยู่ด้วยเพื่อช่วยชีวิต ยิ่งวันนี้เป็นวันดีที่อาและอาสะใภ้จะมาเยี่ยมหลานๆ เลยคิดทำเมนูที่ยังไม่เคยทำเลยในชีวิต นั่นคือ...นึ่งข้าวเหนียวกินเอง ^O^

ไม่ได้กินเปล่าๆ แต่กินกับปีกกลางไก่ชุบแป้งทอดและสันคอหมูทอดที่มีสูตรเฉพาะตัว เกิดจากการใส่มั่วๆทำกี่ครั้งก็ใช้ซอสหมักไม่เหมือนเดิม เพราะจะต้องทดลองใส่โน่นนิดนี่หน่อยเพิ่มเข้าไปทุกครั้ง ตมสไล์คนช่างคิด อุ๊ย...ผิดแล้ว คนขี้เบื่อต่างหาก นิสัยแบบนี้มันเข้าเส้นเป็นได้ในทุกสถานการณ์จริงๆ

แล้วความตื่นเต้นก็เริ่มบรรเลงเพลงโหมโรง ฉันพุ่งเ้ข้าไปที่ร้านขายข้าว ถามหาข้าวเหนียวจากคนขาย
"จะเอาข้าวใหม่หรือข้าวเก่าครับ" คนขายถามกลับ
เอาล่ะซี แล้วมันต่างกันยังไง เหมือนข้าวสารธรรมดาที่เคยรู้มามั้ย ไม่กล้าฟันธง ตัดสินใจถามดีกว่า เลยตีหน้าซื่อใสถามกลับไปอีกครั้ง คิดในใจอย่าดูถูกกรูนะเมิง ก็คนมันไม่เคย
"น้องคะ...มันต่างกันยังไงคะ คือ พี่จะหุงข้าวเหนียวกินเองค่ะ "
แล้วคนขายก็ยิ้มซื่อใสพอๆกับหน้าตาของฉันและอธิบายให้ฟังแบบไม่มีกั๊กและไม่มีอคติใดๆ
"ข้าวใหม่พอเอามาอุ่นอีกมันจะเละ ไม่เหมือนข้าวเก่า แล้วก็แช่น้ำแค่ประมาณ 2 ชั่วโมงก็หุงได้ ส่วนข้าวเก่าต้องแช่ข้ามคืน"
"เอาข้าวใหม่" ฉันตอบทันทีแบบไม่ลังเล เพราะไม่มีเวลา้ข้ามคืนแช่ข้าวเก่า เที่ยงนี้ก็ต้องกินแล้ว

ได้ข้าวเหนียวใหม่มา 2 กิโลกรัมราคา 65 บาท (ได้ลดราคา 1 บาท) ความตื่นเต้นเริ่มบรรเลงจังหวะเร็วขึ้น...แล้วกรูจะหุงด้วยอะไรหว่า???? หม้อข้าวที่มีอยู่ มันมีสรรพคุณหุงข้าวเหนียวได้ด้วย แต่...หุงยังไง ทิ้งคู่มือไปแล้ว เวรกรรม...อ้อ...นั่นไง หวดข้าวเหนียวและหม้อนึ่งมันวางขายอยู่ในร้านฝั่งตรงข้าม รีบสาวเท้าเข้าไปหาแล้วซื้อมาทันที ทั้งหวดขนาดไม่ใหญ่มากและหม้อนึ่งที่พอดีกัน บวกผ้าขาวบางอีกหนึ่งผืน เพราะจำได้ว่าเคยเห็นแม่ค้าส้มตำเอาผ้าขาวบางห่อข้าวเหนียวใส่กระติก บางทีฉันอาจต้องใช้) สนนราคาทั้งหมด 150 บาท(ได้ลด 5 บาท)

รีบยกหูโทรหาน้าชายที่ฝีมือการทำอาหารอีสานขั้นเทพ เป็นผลพลอยได้จากการมีเมียเป็นคนทางนั้นทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนใต้ แต่เดี๋ยวนี้แซ่บอีหลีไปแล้วทั้งภาษาพูดและฝีมือการทำอาหาร
"น้าเป็ด...แหม่มจะหุงข้าวเหนียว" ฉันยิงคำถามใส่ทันทีเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา
"ล้างข้าวให้สะอาดแล้วแช่ไว้สองชั่วโมง เสร็จแล้วเอาขึ้นใส่หวด จากนั้นวางบนหม้อนึ่ง เอาฝาหม้อปิดหวดเอาไว้" น้าของฉันสอนเป็นข้อๆ สมองฉันรีบบันทึกขณะที่ขับรถเข้าบ้านโดยมีเสียงทะเลาะของลูกสาวทั้งสองคนดังเป็น ambience
"เปิดดูถ้าข้าวข้างยนสุกแล้ว ให้กลับเอาข้างใต้ขึ้นมา นึ่งต่อไปสักพัก จนสุกทั่วแล้วเอาขึ้นกระจายบนถาด จากนั้นเอาใส่กระติกเพื่อให้คงความร้อน จำได้มั้ย" น้าถามเมื่อเสร็จสิ้นการเล็คเชอร์
"จำได้ๆ ขอบคุณค่ะ" ฉันรีบวางหู แล้วมุ่งหน้ากลับบ้านด้วยความใจสั่นระคนใจเสีย  ฉันกำลังจะนึ่งข้าวเหนียวกินเอง ฉันกำลังจะนึ่งข้าวเหนียวกินเอง......

ลงมือทำตามขั้นตอนที่ได้เล่าเรียนมาแบบ intensive course ขั้นที่1...ผ่าน  ขั้นที่สอง...ผ่าน...ขั้นที่สามช่วงกลับข้าวเหนียว...ผ่าน...ขั้นที่ 4 รอให้สุกจนทั่ว...แล้วสุกยังหว่า...หยิบขึ้นชิม....อืม...โอเค...ขั้นที่ 5 ต้องแผ่กระจายบนถาด...แต่ฉันไม่มีถาด งั้นไม่ต้องแล้วกัน เอาผ้าขาวบางชุบน้ำให้ชุ่มแล้วห่อข้าวเหนียวไว้ จากนั้นก็เอาไปวางในหวดใหม่อีกที  ^_^

ฉันนั่งมองลูกสาวคนโตเปิบข้าวเหนียวกินกับไก่อย่างเพลิดเพลิน อิ่มใจ และอิ่มแทนเพราะชีซัดข้าวเหนียวเยอะมาก จนกลัวลูกจะไหลตายตอนกลางคืน  ส่วนคนเล็กกินได้เล็กน้อยเพราะไม่ค่อยสบาย สำหรับสามี กินไปแกะเพลงไปพูดไปว่า...อร่อยมาก

เมนูง่ายๆ แต่ใส่หัวใจลงไปในทุกขั้นตอนของการทำ รสชาิติอาจจะแปร่งเพี้ยน แต่คนกินก็กินอย่างมีความสุขและสัมผัสได้ว่า...แม่ทำจากหัวใจ ยังไงก็อร่อย ^_____________^

ป.ล. ตอนนี้ฉันล้างหวดและหม้อนึ่งอย่างสะอาด เก็บไว้อย่างดี รอเวลาเอามาใช้งานใหม่ เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์การทำอาหารที่ฉันภูิมิใจ...ฉันไม่น้อยหน้าคนขายสัมตำแล้วเว้ยยยย ^O^

ไม่มีความคิดเห็น: